คู่มือผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต
การซื้อที่ดินและบ้านในประเทศไทย สินเชื่อบ้าน ค่าธรรมเนียม และกรรมสิทธิ์ เรียนรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ
ชาวต่างชาติสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตได้หรือไม่?
ได้ ชาวต่างชาติสามารถถือครอง คอนโดมิเนียมแบบกรรมสิทธิ์ขาด (ภายในโควต้าชาวต่างชาติ 49%) สำหรับ บ้านหรือวิลล่า ส่วนใหญ่ซื้อผ่าน สัญญาเช่าระยะยาว หรือการจัดตั้งบริษัทไทย
มีอสังหาริมทรัพย์ประเภทใดบ้าง?
- คอนโดมิเนียม – กรรมสิทธิ์ขาด
- วิลล่าและบ้าน – เช่าระยะเวลา 30 ปี (ต่ออายุได้)
- ที่ดิน – ชาวต่างชาติไม่สามารถถือครองแบบกรรมสิทธิ์ขาด แต่สามารถเช่าได้
กระบวนการซื้อเป็นอย่างไร?
- เลือกอสังหาริมทรัพย์
- ตรวจสอบสถานะทางกฎหมาย
- วางเงินจอง (5–10%)
- ทำสัญญาซื้อขาย
- ชำระเงินที่เหลือและโอนกรรมสิทธิ์ที่กรมที่ดิน
- รับเอกสารกรรมสิทธิ์
ต้องวางเงินจองเท่าไร?
ประมาณ 5–10% ของราคาซื้อขาย
มีค่าใช้จ่ายและภาษีอะไรบ้าง?
- ค่าธรรมเนียมการโอน: 2% (แบ่งกันระหว่างผู้ซื้อ/ผู้ขาย)
- อากรแสตมป์: 0.5%
- ภาษีหัก ณ ที่จ่าย: ผู้ขายจ่าย
- ค่าธรรมเนียมกฎหมายและการจดทะเบียน: 1–2%
- ค่าส่วนกลาง (condo fees): คิดตามตารางเมตร
จำเป็นต้องมีทนายความหรือไม่?
แนะนำให้มี ทนายความช่วยตรวจสอบให้การซื้อขาย ถูกต้องและปลอดภัย
ชาวต่างชาติสามารถกู้ซื้อบ้านได้ไหม?
ธนาคารไทยไม่ค่อยปล่อยกู้ให้ชาวต่างชาติ ส่วนใหญ่ซื้อด้วยเงินสด กู้จากประเทศของตน หรือผ่อนกับโครงการ
สัญญาเช่าระยะยาว (Leasehold) คืออะไร?
ระยะเวลา 30 ปี ต่ออายุได้สูงสุด 90 ปี และต้องจดทะเบียนที่กรมที่ดิน
ปลอดภัยไหมในการซื้อบ้านที่ภูเก็ต?
ปลอดภัย แต่ควรตรวจสอบ:
- เอกสารสิทธิ์ที่ดิน (โฉนด)
- ประวัติผู้พัฒนาโครงการ
- การจดทะเบียนสัญญา
สามารถปล่อยเช่าได้ไหม?
ได้ สามารถปล่อยเช่าและรับรายได้ แต่ต้องเสียภาษีตามกฎหมายไทย
ใช้เวลานานแค่ไหน?
- คอนโด: 1–2 เดือน
- บ้าน/วิลล่า: 2–4 เดือน